บริเวณแก้มด้านซ้าย หมายถึง ตับ อาการ: สีสันบนใบหน้าออกไปทางสีเขียวเหลือง เป็นฝ้าได้ง่าย และมักจะเป็นๆ หายๆ ขึ้นลงตามอารมณ์ ดวงตาไม่สดใส เสียงเบา ไม่แข็งแรง ปวดประจำเดือน มักจะมีอาการหงุดหงิด ปวดแน่นสีข้าง ปวดเต้านม แน่นหน้าอก เบื่ออาหาร มีน้ำย่อยออกมามาก ในสตรีระวังจะมีประจำเดือนมาไม่ปกติ ยกตัวอย่าง เช่น เก๋ากี้ ชงดื่มกับน้ำร้อน หรือใส่รวมกับแกงจืดที่ชอบ ร่างกายก็ได้รับสรรพคุณในการบำรุงตับ เสริมภูมิต้านทานโรค และตับชอบสีเขียว สามารถรับประทานถั่วเขียว ช่วยในการบำรุงการทำงานของตับได้ 5.
00 น. - 20. 00 น. เสาร์ ถึง อาทิตย์ 12. - 17. 00 น. #โทร: 088-521-8585 #Line: 1999MSC # คลินิกผิวหนังมหานคร ตรวจรักษาโรคผิวหนังทุกชนิด สะเก็ดเงิน เซ็บเดิม ภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก ผู้สูงอายุ เล็บผิดปกติ ผิวหนังอักเสบ รอยแผลเป็น รังแคเรื้อรัง ลมพิษเรื้อรัง คันจากเชื้อรา สิวอักเสบ
3-2 ซ. ม. เกิดจากแสงแดดและอายุที่มากขึ้น หากปล่อยไว้อาจใหญ่และนูนขึ้นได้ รักษาโดยเลเซอร์เท่านั้น ไม่สามารถจางลงได้เอง กระเนื้อ เนื้องอกของผิวหนัง มีสีน้ำตาลอ่อนจนไปเข้มและดำ ลักษณะเป็นตุ่มนูน ผิวขรุขระ มักพบบริเวณใบหน้า คอ แขน และลำตัว เชื่อว่าเกิดจากพันธุกรรม รอยดำ รอยดำจากการอักเสบของผิวหนัง เช่น รอยดำจากสิว พบมากหากเป็นสิวอักเสบ หรือไปแกะสิว รอยดำลักษณะนี้จะเป็นจุดหรือปื้นสีน้ำตาล เกิดบริเวณที่ผิวหนังเคยมีการอักเสบมาก่อน ข้อมูลจาก ผศ. นพ. วาสนภ วชิรมน แผนกผิวหนังและเลเซอร์ หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล นิตยสารวาไรตี้เพื่อสุขภาพ @Rama รู้จัก "รอยด่างดํา" บนใบหน้า ฉบับที่ 10 เดือน กันยายน 2556
เกลื้อน( Piryriasis vesicolor or Tinea vesicolor) เป็นภาวะการติดเชื้อราที่ชั้นนอกสุดของผิวหนัง คือ Stratum corneum โดยที่ผู้ป่วยไม่ค่อยมีอาการและมักเป็นเรื้อรัง โดยเชื้อราที่พบ คือ Malassezia furfur ( Pityrosporum ovale) ปกติเชื้อราประเภทนี้ พบได้ทั่วไปตามรูขุมขนของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก บริเวณ หน้าอก หลัง ไหล่ ต้นคอ ใบหน้า บางครั้งอาจพบที่รักแร้ หรือ โคนขาได้ ปัจจัยที่ชักนำให้เกิดโรคเกลื้อน ซึ่งจะทำให้เชื้อรากลุ่มนี้เจริญเติบโตจากเชื้อยีสต์ เป็นสายหรือเป็นแท่งที่เรียกว่า hyphae ซึ่งทำให้เกิดโรคเกลื้อน ได้แก่ 1. ภาวะผิวมัน 2. ภาวะเหงื่อออกมาก 3. ใส่เสื้อผ้าอับชื้นหรืออับเหงื่อเป็นเวลานานๆ 4. ภาวะอากาศมีความชื้นสูง เช่น ในหน้าร้อน หรือหน้าฝน 5. การรับประทานยาหรือทายากลุ่มสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ทำให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง 6.
หรือ 200 มก. ติดต่อกัน 3 วันต่อเดือน 3. 2 ยาฆ่าเชื้อรากลุ่ม Itraconazole (Spiral=100 Mg. /แคบซูล) การรักษาแนะนำให้รับประทาน ขนาด 200 มก. ต่อวัน เป็นเวลานาน 5 วัน 3. 3 ยาฆ่าเชื้อรากลุ่ม Griseofulvin (Fulvin), Terbinafine (Lamisil) ได้ผลไม่ค่อยดีนักในการรักษาโรคเกลื้อน