คุณควรทำแบบนี้ไปสักพักใหญ่เลย เพื่อที่ทั้งแมวและสุนัขของคุณจะได้ไม่ทำร้ายกันเอง หันเหความสนใจจากพฤติกรรมด้านลบของสุนัขคุณที่มีต่อแมวคุณ. นี่รวมถึงการเล่นแรงๆ และการเห่าเสียงดังด้วย [9] ดังนั้น ให้คุณหากิจกรรมอื่นให้สุนัขของคุณทำแทน หรือไม่ก็ฝึกให้ทำตามคำสั่งแทนที่จะปล่อยให้โฟกัสอยู่ที่ตัวแมวอย่างเดียว พยายามหลีกเลี่ยงการดุสุนัขคุณในสถานการณ์แบบนี้ โดยให้คุณคอยรักษาสถานการณ์ให้เป็นไปในเชิงบวกเข้าไว้ สุนัขของคุณจะได้มีแนวโน้มที่จะมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับแมวในอนาคตได้อีก [10] ให้รางวัลและชมเชยสุนัขของคุณสำหรับการมีพฤติกรรมที่ดีเมื่ออยู่กับแมว. ซึ่งนี่รวมถึงการทำตัวเป็นมิตร หรือแม้แต่การไม่สนใจแมวในบางครั้งด้วย โดยให้คุณชมเชยสำหรับพฤติกรรมในทางที่ดี ที่สุนัขคุณทำต่อแมวเมื่อแมวคุณเดินเข้ามาในห้องที่มันชอบอยู่ โดยที่ไม่ได้ไปก้าวร้าวใส่ หรือมุ่งเป้าไปที่แมว ให้คุณพูดว่า "โอ้ ดูสิ เจ้าหมาน้อย นี่แมวน้อยเหมียวๆ เพื่อนแกอยู่นี่แล้ว! " แล้วก็ทำเสียงพูดให้ดูแฮปปี้มากๆ จากนั้นให้ชมเชยเล็กๆ น้อยๆ เมื่อฝึกสำเร็จ ไม่นานสุนัขของคุณก็จะเรียนรู้ที่จะมีความรู้สึกเป็นมิตรกับแมวของคุณเอง 4 จัดการหาที่ๆ แมวคุณสามารถอยู่ได้โดยที่สุนัขคุณเข้าไม่ถึง.
สํานวนสุภาษิตนี้ หมายถึงการประชดประชันคนอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ผู้ถูกประชดไม่ได้รู้สึกสำนึกแต่อย่างใด กลับกลายเป็นได้ประโยชน์จากการประชดนั้นด้วย โดยคนประชดต้องการทำให้รู้สำนึกแต่กลับไม่ได้ผล ที่มาของสํานวน ปกติแมวก็จะกินก้างปลาและเศษปลาที่ติดอยู่กับก้างปลา แต่คนเกิดจะประชดให้แมวได้รู้สำนึกบางอย่าง กลับทำการปิ้งปลาให้แมวกิน แต่แมวไม่ได้รู้สึกสำนึกว่าโดนประชด กลับกินปลานั้นโดยไม่ได้รู้สึกอะไร