มอญซ่อนผ้า การละเล่น มอญซ่อนผ้า คาดว่ามีที่มาจากกลุ่มชาวมอญในจังหวัดกาญจนบุรี โดยการนำผ้าซ่อนไว้ข้างหลังผู้เล่นคนอื่น มีวิธีเล่นดังนี้ 4. 1) มัดผ้าเป็นปมใหญ่ๆ เรียกว่า "ผ้าตี" หรือ "ผ้าตูม" ใช้จำนวน 1 ใน 3 ของผู้เล่น หรือแล้วแต่จะตกลงกัน 4. 2) จับไม้สั้นไม้ยาว หรือตกลงกันก่อนว่าใครจะเป็น "มอญ" ผู้มีหน้าที่ซ่อนผ้า 4. 3) คนอื่นๆ นั่งล้อมวง ร้องเพลง "มอญซ่อนผ้า ตุ๊กตาอยู่ข้างหลัง ไว้โน่นไว้นี่ ฉันจะตีก้นเธอ" และคนที่เป็นมอญถือผ้าไว้ในมือ เดินวนอยู่นอกวง ระหว่างที่เพื่อนๆ ร้องเพลง คนที่เป็นมอญ วางผ้าไว้ด้านหลังของใครก็ได้ 4. 4) ใครรู้ตัวว่ามีผ้าอยู่ด้านหลัง ก็จะวิ่งไล่ตีมอญ 1 รอบ มอญต้องวิ่งหนีกลับมานั่งที่เดิม แต่ถ้ามอญโดนผ้า ก็ต้องกลับไปเป็นผู้วิ่งอีก 1 รอบ มอญซ่อนผ้ามีประโยชน์ต่อตัวผู้เล่น ให้เป็นผู้มีไหวพริบ สังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว และเป็นคนคล่องแคล่ว 5. รีรีข้าวสาร รีรีข้าวสาร เป็นการละเล่นไทยแบบดั้งเดิมที่น่าจดจำ โดยผู้เล่นสองคนประสานมือไว้เหนือศีรษะ คล้องตัวผู้เล่นคนอื่นๆ มีวิธีเล่นดังนี้ 5. 1) ตกลงกันว่าใครจะเป็นประตู ใช้ 2 คน คนอื่นๆ ต่อแถวกันรอดประตู 5. 2) ระหว่างเดิน ประตูจะเป็นผู้ร้องเพลง "รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เลือกท้องใบลาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน คดข้าวใส่จาน พานเอาคนข้างหลังไว้ให้ดี" 5.
งูกินหาง งูกินหาง เป็นการละเล่นไทยที่เลียนแบบการเคลื่อนไหวและธรรมชาติของงู โดยแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งแม่งูจะปกป้องลูกงู มีวิธีการเล่นดังนี้ 7. 1) จับไม้สั้นไม้ยาว หรือตกลงกันว่า ใครจะเป็นพ่องู กับแม่งู คนที่เหลือต่อแถวแม่งู เป็นลูกงู 7. 2) พ่องูและแม่งูหันหน้าเข้าหากัน ร้องเพลงโต้ตอบกัน เมื่อเพลงจบ แม่งูต้องวิ่งพาลูกงูหนี 7. 3) พ่องูวิ่งไล่จับลูกงูทีละคน ประโยชน์ของการละเล่นงูกินหาง สร้างความสนุกสนาน และฝึกความสามัคคีให้กับเด็กๆ ตั้งแต่วัยเยาว์ 8. เดินกะลา เดินกะลา เป็นการละเล่นไทยที่ใช้ของใกล้ตัวมาเป็นอุปกรณ์การละเล่น ฝึกกล้ามเนื้อเท้า ให้แข็งแรง มีวิธีการเล่นดังนี้ 8. 1) กำหนดจุดเริ่มต้นและเส้นชัย 8. 2) ผู้เล่นแข่งขันกัน เหยียบบนกะลา คล้ายการใส่รองเท้าหูหนีบ 8. 3) ยกเชือกก้าวเดินไปจนกว่าจะถึงเส้นชัย การเดินบนกะลา ฝึกทักษะการทรงตัว และฝึกความอดทน ตอนเดินแรกๆ อาจจะรู้สึกเจ็บเท้า แต่หากฝึกเดินจนคล่องแล้ว ก็จะรู้สึกสนุก 9. ลิงชิงหลัก ลิงชิงหลัก เป็นการละเล่นไทยที่ใช้ต้นไม้ หรือเสาใต้ถุนบ้าน เป็นอุปกรณ์การเล่น มีวิธีการเล่นดังนี้ 9. 1) กำหนดเสาหลัก น้อยกว่าจำนวนผู้เล่น 1 เสา เช่น มีผู้เล่น 5 คน ก็กำหนดเสา 4 ต้น 9.
ให้ผู้เล่นวิ่งไปทางเชือกที่แกว่งขึ้น ๒. ให้ยืนเท้าเดียวเวลากระโดด จะเปลี่ยนเท้าบ้างก็ได้แต่ต้องระวังมิให้เท้าถึงพื้นดินพร้อมกันทั้งสองข้าง ๓. แกว่งเชือกอย่าให้ถึงพื้น กะดูให้สูงกว่าพื้นหนึ่งคืบ เพื่อให้ผู้กระโดด กระโดดสูงขึ้นและกระโดดได้ยากเข้า ๔. แกว่งเชือกตามธรรมดา และให้ผู้เล่นวิ่งเข้าไปกระโดดพร้อมๆ กัน ราวครั้งละ ๑๐ คน นอกจากนี้ ยังมีการดัดแปลงเป็นการกระโดดเชือกถือเชือกในระดับที่แตกต่างกันไป เพื่อให้ผู้เล่นเข้าตามที่กำหนดท่าต่างๆ ไว้ โอกาสหรือเวลาที่เล่น เล่นได้ทุกโอกาสไม่จำกัดเวลา คุณค่า/แนวคิด/สาระ เป็นการฝึกกล้ามเนื้อและความว่องไว อ้างอิง
ยังจำได้ไหม ว่าในช่วงวัยเด็กคุณเล่นอะไรกันบ้าง ช่วงเวลาที่ยังไม่มีเทคโนโลยี การสื่อสาร อินเตอร์เน็ตแบบสมัยนี้ ที่ไม่ว่ามองไปทางไหน ก็จะเห็นเด็กตัวเล็กตัวน้อยเล่นเกมในไอแพด แชทไลน์ กดเฟสบุ๊ค ใช้เวลาอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยมเกือบทั้งวันทั้งคืน วันนี้ทาง Parents One จะพาทุกคนย้อนวัยไปในวัยเด็ก รื้อฟื้นความหลังว่าสมัยเด็กยุคก่อนมีไอโฟนเค้าเล่นอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย 1. เดินกะลา ภาพจาก – OKnation ดูจะเป็นการละเล่นพื้นบ้านที่หาดูได้ไม่บ่อยนัก โดยผู้เล่นจะต้องนำกะลามะพร้าว 2 อันมาทำความสะอาดแล้วเจาะรูตรงกลาง ร้อยเชือกให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้เชือกหลุดเวลาเดิน เวลาเดินให้ใช้นิ้วหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้คีบเชือกเอาไว้แล้วเดิน ใครถึงเส้นชัยก่อนชนะ ประโยชน์ของการเดินกะลา ก็คือช่วยฝึกการทรงตัว ความสมดุลของร่างกาย เพราะต้องระวังไม่ให้ตกกะลา ช่วงแรกๆ อาจจะรู้สึกเจ็บเท้า แต่ถ้าฝึกบ่อยๆ จะชินและหายเจ็บไปเอง แถมยังทำให้ร่างกายแข็งแรง เพลิดเพลินอีกด้วย 2. ม้าก้านกล้วย เป็นอีกหนึ่งการละเล่นที่แสดงถึงความมีภูมิปัญญาของคนไทย เพราะในสมัยก่อนแทบทุกบ้านจะปลูกต้นกล้วยไว้ จึงนำมาประยุกต์เป็นของเล่นให้เด็กๆ ได้เล่นกัน โดยเฉพาะ ม้าก้านกล้วย ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจเด็กชายวัยซนมากที่สุด เพราะเด็กๆ จะนำก้านกล้วยมาขี่เป็นม้า เพื่อแข่งขันกันค่ะ 3.
ลูกแก้ว หรือก้อนหินกลุ่มละ 5 ลูก จำนวน 45 ลูก วิธีเล่น 1. โยนก้อนหิน 1 ก้อน แล้วเก็บอีก 4 ก้อน ที่เหลือทีละก้อน 2. โยนก้อนหิน 1 ก้อน แล้วเก็บอีก 4 ก้อน ที่เหลือที 2 ก้อน 3. โยนก้อนหิน 1 ก้อน แล้วเก็บอีก 4 ก้อน ที่เหลือโดยแบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกคือ 2 ก้อน ครั้งที่ 2 คือ 1 ก้อน ซึ่งจะสลับกันหยิบก็ได้ 4. โยนก้อนหิน 1 ก้อน แล้วเก็บรวบที่เดียวทั้ง 4 ก้อน 5. หงายฝ่ามือ เอาก้อนหินทั้ง 5 ก้อน ไว้ในฝ่ามือ โยนก้อนหินขึ้นและพลิกฝ่ามือคว่ำลงอย่างรวดเร็ว ใช้หลังมือรับก้อนหินแล้วโยนกลับใช้ฝ่ามือรับก้อนหิน ในฝ่ามือมีจำนวนก้อนหินเท่าใดนั้นคือจำนวนคะแนนที่ได้ หากผู้เล่นคนใดรับไม่ได้ ต้องเปลี่ยนผู้เล่นใหม่ และหมุนเวียนไปจนได้คะแนนครบตามที่กำหนด ผู้ใดสามารถใช้หลังมือรับก้อนหินได้มากกว่าผู้อื่นจะเป็นผู้ชนะ ********************************************************************* กิจกรรมที่ 10 วิ่งกระป๋อง สถานที่เล่น: บริเวณลานกว้าง เช่น ลานบ้าน ลานวัด สนามกีฬา เป็นต้น จำนวนผู้เล่น: เล่นได้ทั้งชายและหญิง ไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น อุปกรณ์: 1. กระป๋อง 1 – 2 ใบ 2. ไม้ยาว วิธีทำอุปกรณ์: นำกระป๋อง 1 – 2 ใบ มาเจาะรู แล้วผูกติดกับไม้ยาว วิธีเล่น: 1.
ให้ผู้เล่นวิ่งเข้าไปทางเชือกที่แกว่งขึ้น 2. ให้ยืนเท้าเดียวเวลากะโดดจะเปลี่ยนเท้าบ้างก็ได้ แต่ต้องระวังอย่าให้เท้าถึงดินพร้อมกันทั้งสองเท้า 3. แกว่งเชือกอย่าให้ตกถึงพื้น กะดูให้สูงกว่าพื้นหนึ่งคืบ เพื่อให้ผู้กะโดด กะโดดสูงขึ้น และกะโดดได้ยากขึ้น 4. แกว่งเชือกตามธรรมดา และให้ผู้เล่นวิ่งเข้าไปกะโดดพร้อม ๆ กัน ราวครั้งละ 10 คน ประโยชน์ เป็น การออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยให้มีความว่องไว อ้างอิงจาก: กรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ศึกษาการละเล่นพื้นบ้านต่าง ๆ ได้ที่: บทความทั่วไป