อย่าลืมทำบันทึกในการทำงาน หลังจากมีการวางแผนตารางการทำงานในแต่ละวันแล้ว ควรจดบันทึกการทำงานในแต่ละวัน ทำเป็นข้อมูลเหมือนไดอารี่เก็บไว้ หรืออาจใช้วิธีการสร้างชีทงานออนไลน์ เพื่อบันทึกการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งการบันทึกการทำงานนี้ จะช่วยทำให้คุณสามารถย้อนดูข้อมูลการทำงาน และการส่งงานย้อนหลังได้ อีกทั้งยังทำให้เราได้เห็นคุณภาพของการทำงานในแต่ละวัน เพื่อที่สามารถพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย 5. พยายามสะสางงานให้เสร็จภายในวันศุกร์ การทำงานอยู่ที่บ้าน ก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีวันพักผ่อน ไม่ต่างจากการทำงานที่ออฟฟิศ หากคุณพยายามเร่งโหมงานทุกวันโดยไม่มีวันหยุด อาจทำให้เกิดภาวะเครียด และอาจทำให้เกิดภาวะหมดไฟในการทำงานได้ง่ายขึ้น จึงควรพยายามสะสางงานให้เสร็จภายในวันศุกร์ และหยุดพักผ่อนในวันเสาร์อาทิตย์ นอกจากนั้นยังช่วยให้คุณมีเวลาที่จะผ่อนคลายสมอง เพื่อเติมไฟให้กลับมาทำงานได้อย่างเต็มที่อีกครั้ง 6. เวลาทำงาน กับเวลาพักควรแบ่งให้ชัดเจน ในวันธรรมดาที่ทำงาน ก็ควรแบ่งเวลาสำหรับทำงานกับเวลาพักให้ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น เริ่มทำงานตั้งแต่ 08. 00-12. 00 น. พักในช่วง 12. 00-13. 00 ช่วงเวลาพักนี้ก็ควรเป็นช่วงเวลาที่ได้ทำอาหาร และพักผ่อนสายตาจริงๆ อีกทั้งควรกำหนดเวลาเลิกงานให้ชัดเจน เช่น เลิกงานเวลา 17.
ตัดสิ่งรบกวน นอกเหนือจากการติดต่อสื่อสารกับทีมงานแล้ว โทรศัพท์ แชท หรือสื่ออื่นๆ ล้วนไม่ใช่เรื่องจำเป็นสำหรับการทำงานที่บ้าน เพราะสื่อจะเป็นสิ่งเร้าที่เสียสมาธิ หรือดึงดูดให้หลุดออกไปจากการทำงานที่ควรจดจ่อ ทำให้งานเสร็จช้าลง ต้องเผางานในวินาทีสุดท้าย งานตกหล่นบกพร่อง หรือแย่ที่สุดคืองานไม่เสร็จตามที่ควรจะเป็น นอกจากสิ่งรบกวนจากสื่อต่างๆ แล้ว ยังหมายความรวมถึงการกำหนดขอบเขตสำหรับเด็ก สัตว์เลี้ยง คู่สมรส หรือเพื่อนร่วมห้อง พยายามกระตุ้นให้พวกเขาทิ้งคุณไว้คนเดียวในขณะที่คุณกำลังทำงานเพื่อที่คุณจะได้จดจ่อกับงานอย่างจริงจัง 7.