เราต้องรู้สึกอยากแสวงหาพระองค์อย่างสุดใจเพื่อรักษาจิตใจของท่าน อย่ากลัวความทุกข์ยากลำบากวางใจในพระเจ้า ต่อหน้าเราคือปัญหาอะไรจงวางใจในพระเจ้า 2. ในเวลาที่ลำบากสุดๆร้องเรียกหาพระเจ้าแทนการบ่น อิสยาห์ 41:17-18 17 "คนยากไร้และขัดสนเสาะหาน้ำดื่ม แต่ไม่มีเลยลิ้นของเขาแห้งผากด้วยความกระหายแต่เรา พระยาห์เวห์จะตอบเขาเรา พระเจ้าแห่งอิสราเอลจะไม่ทอดทิ้งพวกเขาเลย18เราจะทำให้แม่น้ำไหลบนที่สูงซึ่งแห้งแล้งและให้มีธารน้ำพุในหุบเขาเราจะเปลี่ยนถิ่นกันดารเป็นสระน้ำและเปลี่ยนผืนดินแตกระแหงให้กลายเป็นธารน้ำพุ พระเจ้าทรงเปลี่ยนทุกสถานการณ์ได้เสมอ สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือถ้อยคำพรธรรมของพระเจ้าเชื่อและไว้วางใจ พระองค์ดียอดยี่ยม 3.
ญ. สุภนิดา สุวรรณเล็ก ชื่อเล่น ครีม อายุ 13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.
สุดท้าย ฉันจะอธิษฐานขอให้คุณจงตั้งมั่นอยู่ในการรู้จักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระศิลานิรันดร์ -----------------------------------------------------------------------------
"เราเป็นกายของพระคริสต์"| 1 โครินธ์ 12:12-31 กรกฎาคม 12, 2009 โดย firstchurchcmstaff โดย ศจ. บุญญวัฒน์ มโนปัน เราทุกคนต่างก็มีความฝัน และมีความหวัง หวังและฝันว่าอยากเห็นคริสตจักรของเรางดงาม เป็นคริสตจักรที่มีสง่าราศี หวังและฝันว่าคนที่ทุกข์ใจ คนที่หมดหวัง คนที่ท้อแท้ใจ จะได้รับการชูกำลัง เมื่อเขาทั้งหลายได้นมัสการ สรรเสริญพระเจ้า หวังและฝันว่าสมาชิกคริสตจักรจะเติบโตด้วยพระวจนะของพระเจ้า ใช้พระคำของพระเจ้าเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินชีวิต ในการแก้ปัญหาต่างๆ หวังและฝันว่าเราทั้งหลายมีความผูกพัน มีการสามัคคีธรรมร่วมกันในฐานะเราเป็นพระกายของพระเยซูคริสต์ ในส่วนต่างๆ ของคริสตจักร พระคริสต์ธรรมคัมภีร์ที่เราได้อ่านและฟังร่วมกัน เป็นจดหมายของท่าน อ. เปาโล ที่เขียนไปหนุนน้ำใจ พี่น้องคริสเตียนในเมืองโครินธ์ ซึ่งคริสตจักรแห่งนี้เราทราบดีแล้วว่า อ. เปาโลเป็นผู้ประกาศ บุกเบิก และก่อตั้งคริสตจักรแห่งนี้ ต่อมา อ. เปาโลทราบว่าคริสตจักรมีปัญหา 1) ปัญหาเรื่องความเสื่อมเสียทางด้านศีลธรรม ชีวิตคริสเตียนไม่เติบโต และไม่เข้มแข็ง 2) ปัญหาความเข้าใจไม่ถูกต้องเรื่องของประทานและการใช้ของประทาน 3) ปัญหาความแตกแยก การแบ่งพรรคแบ่งพวกเกิดขึ้นในคริสตจักรโครินธ์ ดัง อ.
คำถาม คำตอบ ในการพยายามตอบคำถามนี้ ข่าวดีคือมีอะไรมากมายที่เราสามารถค้นพบได้เกี่ยวกับพระเจ้า! หากผู้ที่ค้นหาคำตอบนี้จะอ่านคำตอบทั้งหมดเสียก่อน แล้วจึงค่อยกลับไปเปิดดูข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้องที่หลังเพื่อจะได้เข้าใจมากขึ้นก็น่าจะดีกว่า การอ้างอิงข้อพระคัมภีร์เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากไม่มีพระคัมภีร์แล้ว คำตอบที่ได้ก็คงจะเป็นแต่เพียงความเห็นของมนุษย์ธรรมดา ๆ เท่านั้นเอง ซึ่งโดยตัวของมันเองแล้วมักจะไม่ถูกต้องเมื่อพูดถึงการทำความเข้าใจพระเจ้า (โยบ 42:7) การที่จะบอกว่า การพยายามเข้่าใจว่าพระเจ้าทรงเป็นแบบไหนเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับเรา เป็นการพูดที่ด้อยค่าเกินไปเสียด้วยซ้ำ้ไป!
เปาโลได้กล่าวไว้ใน 1 โครินธ์ 1:10 ว่า "ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าวิงวอนท่านในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้าของเรา ขอให้ท่านปรองดองกัน อย่าถือพวกถือคณะ แต่ขอให้ท่านเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน" ดังนั้นเอง อ. เปาโลได้หนุนใจพี่น้องเมืองโครินธ์ และหนนุใจเราทั้งหลายให้ตระหนักถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในพระคริสต์ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และการเป็นกายของพระองค์ เราทั้งหลายเป็น "กายของพระเยซูคริสต์" เป็นคำเปรียบเทียบของ อ.
13:8) "อย่าให้สิ่งใดทำให้ท่านหวั่นไหว" เราหวั่นไหวได้ง่ายมากๆ สถานการณ์ ความยากลำบาก และอื่น ๆ มากมาย ล้วนส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของเรา แม้แต่ เปโตร ผู้ที่ติดตามพระเยซูอย่างใกล้ชิดและเห็นฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ยังเกิดความกลัวเมื่อลมพายุพัดมาและจมลงขณะที่กำลังเดินไปหาพระเยซูบนน้ำ (มัทธิว 14:22-32) เราเองยิ่งต้องรู้จักและใคร่ครวญถึงพระลักษณะของพระองค์มากเท่าใด (อย่างสม่ำเสมอเท่านั้นเอง) เพื่อไม่ให้สิ่งใดทำให้เราหวั่นไหว จงทุ่มเทอย่างเต็มที่ให้กับงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า งานขององค์พระผู้เป็นเจ้าคืออะไร? ยอห์น 6:28-29 แล้วพวกเขาทูลถามพระองค์ว่า "พวกเราต้องทำประการใด เพื่อจะทำงานที่พระเจ้าทรงประสงค์? " พระเยซูตรัสตอบว่า "งานของพระเจ้าคือ จงเชื่อในผู้ที่พระองค์ทรงส่งมา" (TNCV) หรือ พวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า "เราจะต้องทำอะไรบ้างถึงจะทำงานของพระเจ้าได้? " พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "งานของพระเจ้าคือการวางใจในผู้ที่พระองค์ทรงใช้มา" (THSV) ฉันมีโอกาสถามน้อง ๆ หลายคนว่า งานขององค์พระผู้เป็นเจ้าคืออะไร? คำตอบแรกที่พวกเขามักจะตอบคือ การประกาศพระกิตติคุณ ใช่ การประกาศควรเป็นสิ่งที่เราทำเพราะพระเจ้าทรงมอบหมายหน้าที่นี้ให้แก่เรา (มธ.
11พระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า พระคัมภีร์ถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ มากกว่าหนังสือเล่มใดๆ บางส่วนของพระคัมภีร์เก่าแก่ที่สุดย้อนหลังกลับไปเกือบ 4000 ปี เราสามารถค้นพบคำตอบที่สำคัญที่สุดของชีวิตได้แก่ 1. "ฉันมาจากไหน? " 2. "ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่? "3. "ฉันจะไปไหนต่อ? " 03:21 May 01, 2020 Ep. 3 พระเจ้าผู้ทรงอารักขาท่าน พระสัญญาของพระเจ้าที่ทรวปกป้องเรา, เชื่อและวางใจพระองค์ทุกเวลา ถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า ให้เป็นของพระองค์ 01:56 April 01, 2020 00:60 March 30, 2020
2310 หลังจากนั้นได้มีผู้คนมาเข้าร่วมกับพระองค์เป็นจำนวนมาก เนื่องจากเมืองจันทบูรและเมืองตราดไม่มีพม่าเข้ายึดครอง กระทั่ง 3 เดือนผ่านไป พระองค์รวบรวมเสบียงและกำลังคนได้ราว 5, 000 คน จึงได้ยกทัพเรือล่องมาจนถึงปากแม่น้ำเจ้าพระยา และยึดเมืองธนบุรีจากพม่าได้สำเร็จ จากนั้นพระองค์ได้ยกทัพเรือต่อไปยังกรุงศรีอยุธยา ก่อนจะสามารถเข้ายึดค่ายโพธิ์สามต้น และขับไล่ทหารพม่าออกไปจากราชอาณาจักร สามารถกอบกู้เอกราชได้สำเร็จภายในเวลา 7 เดือน นับตั้งแต่เสียกรุงเมื่อปี พ. 2310 การปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หลังจากนั้นพระองค์ได้ยกทัพกลับมาที่ธนบุรี ตั้งราชธานีใหม่ ณ ที่แห่งนี้ ขนานนามว่า "กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร" และทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ. 2310 ในพระชนมายุ 34 พรรษา ทรงเฉลิมพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 และพระราชกรณียกิจหลังจากนั้นของพระองค์ คือการปราบปรามก๊กต่าง ๆ ที่แตกแยกเป็นฝ่าย เพื่อรวบรวมให้เป็นอาณาจักรเดียวกัน และฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นหลังจากทำสงครามกับพม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงครองราชย์ได้ 15 ปี ก็เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.